Skip to main content

7 จุดถ่ายรูปเช็คอินห้ามพลาดในโอซาก้า เมืองสำคัญในประเทศญี่ปุ่น

จุดถ่ายรูปเช็คอินห้ามพลาดในโอซาก้า โอซาก้าเป็นอีกหนึ่งเมืองสำคัญในประเทศญี่ปุ่นที่มีนักท่องเที่ยวแวะไปเยือนมากมายไม่แพ้โตเกียว


จุดถ่ายรูปเช็คอินห้ามพลาดในโอซาก้า ถือเป็นเมืองที่มีจุดถ่ายรูปสวยๆ หลากหลายรูปแบบ ซึ่งเราได้รวบรวม 7 จุดถ่ายรูปเช็คอินที่ห้ามพลาดมาแนะนำ ตั้งแต่ป้ายกูลิโกะยอดฮิต ปราสาทฮอกวอตส์ หอคอยซึเทนคาคุ หุ่นกันดั้มสุดเท่ห์ไม่แพ้ที่โอไดบะ และพิพิธภัณฑ์ทาโกะยากิในเมืองอันเป็นต้นตำหรับของเมนูนี้

1. ป้ายกูลิโกะที่ย่านโดทงโบริ


จุดถ่ายภาพยอดฮิตอันดับหนึ่งของเมืองโอซาก้าที่ไม่ว่าใครๆ ต่างก็พากันมาถ่ายรูปเช็คอินกันตลอดทั้งวัน โดยป้ายกูลิโกะนั้นตั้งอยู่บริเวณสะพานอิบิซึบาชิ ใจกลางย่านโดทงโบริ ย่านช้อปปิ้งและกินดื่มอันดับต้นๆของโอซาก้า ซึ่งป้ายที่เห็นอยู่ในปัจจุบันนั้นคือป้ายแบบที่ 6 ที่ถูกเปลี่ยนโฉมใหม่มานับตั้งแต่ปี 2014 และมีการเปลี่ยนจากการใช้หลอดไฟนีออน มาเป็นหลอดไฟ LED จำนวนกว่า 140,000 ดวง

จุดที่นักท่องเที่ยวนิยมถ่ายภาพคู่กับป้ายกูลิโกะนั้นมีทั้งบริเวณกลางสะพานเอบิซึบาชิ และบริเวณทางเดินเลียบแม่น้ำฝั่งตรงข้ามกับป้าย และท่าสุดฮิตในการถ่ายภาพก็คือทำท่าวิ่งเข้าเส้นชัยแบบเดียวกับหนุ่มกูลิโกะที่อยู่บนป้ายนั่นเอง

การเดินทาง : ขึ้นรถไฟใต้ดินสาย Midosuji, Sennichimae หรือ Yotsubashi มาลงที่สถานี Namba จากนั้นเดินต่ออีกประมาณ 4 นาที
ค่าเข้าชม : ไม่เสียค่าเข้าชม
เวลาเปิดทำการ : เปิดตลอด 24 ชั่วโมง

2. บันไดเลื่อนขึ้นไปยังจุดชมวิวบนอาคารอูเมดะสกาย (Umeda Sky Building)


จุดชมวิวที่ชั้น 39 ของอาคารอูเมดะสกายนั้นเป็นหนึ่งในสถานที่ท่องเที่ยวที่มักจะถูกใส่เข้าไปในแผนการเดินทางเสมอ เพราะถือเป็นจุดที่สามารถชมวิวมุมสูงของโอซาก้าได้อย่างสวยงามตลอดทั้งวัน แต่นอกจากการขึ้นไปชมทัศนียภาพแล้ว จุดเด่นอีกอย่างหนึ่งของอาคารอูเมดะสกายแห่งนี้ก็คือรูปทรงของตัวอาคารที่ดูล้ำสมัย โดยเฉพาะบริเวณบันไดเลื่อนที่พาทุกคนขึ้นไปยังจุดชมวิวนั้นจะเป็นกระจกทรงโค้งซึ่งทอดยาวขึ้นไปสุดลูกหูลูกตา จนดูเหมือนเป็นทางขึ้นไปบนยานอวกาศ และกลายเป็นหนึ่งในจุดที่สามารถถ่ายรูปเช็คอินสวยๆ ได้เป็นอย่างดี

การเดินทาง : จากสถานี Osaka หรือสถานี Umeda เดินต่อมาอีกประมาณ 10 นาที
ค่าเข้าชม : 1,500 เยน
เวลาเปิดทำการ : 10.00 - 22.30 น.

3. หอคอยซึเทนคาคุ (Tsutenkaku)


ถ้ากล่าวว่าโตเกียวทาวเวอร์คือหอคอยที่เป็นสัญลักษณ์ของโตเกียว หอคอยที่เป็นสัญลักษณ์ของโอซาก้าก็คือหอคอยซึเทนคาคุ แม้ว่าในปัจจุบันหอคอยแห่งนี้จะดูเหมือนมีความสูงไม่มากเมื่อเทียบกับตึกสูงในบริเวณรอบๆ แต่ครั้งหนึ่งนั้นหอคอยซึเทนคาคุเคยเป็นหอคอยที่มีความสูงที่สุดในเอเชียมาแล้ว และในปัจจุบันก็ยังคงเป็นหนึ่งในแลนด์มาร์คของเมืองโอซาก้าที่มีทั้งเสน่ห์และความคลาสสิคคู่กับย่านชินเซไค

และเนื่องจากหอคอยซึเทนคาคุสามารถมองเห็นได้อย่างชัดเจนไม่ว่าจะอยู่ที่จุดใดของย่านชินเซไค จึงสามารถเดินช้อปปิ้งหรือแวะซื้อของกินอร่อยๆภายในย่าน พร้อมกับหามุมสวยๆ เพื่อถ่ายรูปเช็คอินคู่กับหอคอยแห่งนี้ได้ตลอดเวลา

การเดินทาง : จากสถานี Shin-Imamiya (JR Loop Line) หรืสถานี Ebisucho (รถไฟใต้ดินสาย Sakaisuji) เดินต่อมาอีกประมาณ 5 นาที
ค่าเข้าชม : 700 เยน โซน Open-air Deck จ่ายเพิ่มอีก 500 เยน
เวลาเปิดทำการ : 09.00 - 21.00 น.

4. ปราสาทฮอกวอตส์ที่ยูนิเวอร์แซลสตูดิโอ


หลังจากที่หนังสือและภาพยนตร์เรื่องแฮรี่ พอตเตอร์สร้างชื่อเสียงจนโด่งดังไปทั่วโลก จนนำมาสู่การสร้างโซนภายในสวนสนุกยูนิเวอร์แซลสตูดิโอเจแปนที่เมืองโอซาก้า ก็ทำให้สวนสนุกแห่งนี้กลายเป็นจุดหมายที่ไม่ใช่แค่ดึงดูดแฟนๆแฮรี่ พอตเตอร์เป็นจำนวนมากเท่านั้น แต่นักท่องเที่ยวและคนทั่วไปต่างก็อยากลองมาสัมผัสกับบรรยากาศอันสมจริงของโลกแห่งเวทย์มนต์ดูสักครั้ง

โดยภายในโซนแฮรี่ พอตเตอร์นั้นมีจุดถ่ายรูปสวยๆที่จำลองบรรยากาศมาจากในภาพยนตร์อยู่เป็นจำนวนมาก ไม่ว่าจะเป็นรถฟอร์ดบินได้ หมู่บ้านฮอกส์มี้ด ขบวนรถจักรไอน้ำฮอกวอตส์ เอ็กเพรส แต่ที่เป็นทั้งแลนด์มาร์คและภาพจำของทุกๆ คนในปัจจุบัน ก็คือปราสาทฮอกวอตส์ที่ตั้งตระหง่านอยู่ในพื้นที่ของสวนสนุก และสำหรับใครที่อยากได้ความสมจริงมากยิ่งขึ้น ก็สามารถไปเลือกซื้อชุดพ่อมดแม่มด พร้อมอุปกรณ์เสริมหลากหลายรูปแบบได้จากร้านค้าภายในสวนสนุกเพื่อใช้ถ่ายรูปได้ตามที่ต้องการ

การเดินทาง : ขึ้นรถไฟ JR Osaka Loop Line มาลงสถานี Nishikujo แล้วเปลี่ยนไปขึ้นรถไฟสาย JR Yumesaki มาลงที่สถานี Universal-city Station และเดินต่ออีก 10 นาที
ค่าเข้าชม : ตั๋วแบบ 1 วัน 7,200 เยน ตั๋วแบบ 2 วัน 12,110 เยน
เวลาเปิดทำการ : ยูนิเวอร์แซล สตูดิโอ เจแปนมีเวลาเปิดปิดแตกต่างออกไปในแต่ละช่วงเวลา ควรตรวจสอบเพิ่มเติมบนเว็บไซต์อีกครั้ง

5. ชิงช้าสวรรค์ Hep Five


โอซาก้าถือเป็นเมืองที่มีชิงช้าสวรรค์สวยๆ อยู่เป็นจำนวนมาก ทั้งชิงช้าสวรรค์เทมโปซานที่ตั้งอยู่บริเวณริมอ่าวโอซาก้า ใกล้กับพิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำไคยูคัง หรือชิงช้าสวรรค์ Redhorse Osaka Wheel ที่ในปัจจุบันถือเป็นชิงช้าสวรรค์ที่สูงที่สุดในญี่ปุ่น แต่สำหรับใครที่อยากได้รูปสวยๆ คู่กับชิงช้าสวรรค์แล้ว ชิงช้าสวรรค์ Hep Five ถือเป็นจุดที่ไม่ควรพลาด เนื่องจากเป็นชิงช้าสวรรค์ที่มีสีแดงสดใสซึ่งตั้งอยู่บนดาดฟ้าของศูนย์การค้าในชื่อเดียวกัน จนสามารถมองเห็นชิงช้าสวรรค์นี้ได้จากที่ไกลๆ และยังเป็นสัญลักษณ์ของย่านอูเมดะ อีกหนึ่งย่านช้อปปิ้งยอดนิยมของเมืองโอซาก้า

การเดินทาง : ขึ้นรถไฟหรือรถไฟใต้ดินสายหลักๆ ของโอซาก้ามาลงที่สถานี Osaka จากนั้นเดินต่ออีก 5 นาที
ค่าเข้าชม : ค่าเข้าชิงช้าสวรรค์ 600 เยน แต่ถ้าถ่ายรูปจากด้านนอก ไม่เสียค่าเข้า
เวลาเปิดทำการ : ตั้งแต่ 11.00 – 22.45 น.

6. พิพิธภัณฑ์ทาโกะยากิ Dotombori Konamon


ทาโกยากิเป็นเมนูที่มีต้นกำเนิดมาจากเมืองโอซาก้า จนทำให้ภายในเมืองมีร้านทาโกยากิอยู่เป็นจำนวนมาก ซึ่งมีรูปแบบและราคาแตกต่างกันออกไป ซึ่งหลายคนที่มีโอกาสได้แวะมาเยือนโอซาก้าก็มักจะไม่พลาดชิมทาโกยากิในเมืองที่เป็นต้นตำรับดูสักครั้ง พร้อมๆกับถ่ายรูปเก็บเอาไว้เป็นที่ระลึก

แต่การถ่ายรูปทาโกยากิเฉยๆ อาจจะดูธรรมดาจนเกินไป จึงอยากแนะนำให้ทุกคนแวะมาถ่ายรูปที่พิพิธภัณฑ์ทาโกะยากิ Dotombori Konamon ซึ่งเป็นทั้งพิพิธภัณฑ์ที่สามารถเรียนรู้ประวัติความเป็นมาของทาโกยากิ และสามารถลองทำทาโกยากิด้วยตัวเอง และจุดที่พลาดไม่ได้คือการถ่ายรูปบริเวณหน้าพิพิธภัณฑ์ซึ่งมีปลาหมึกยักษ์สีแดงเกาะอยู่ นอกจากนี้ยังตั้งอยู่ห่างจากป้ายไฟกูลิโกะแค่ไม่กี่ร้อยเมตรเท่านั้น

การเดินทาง : ขึ้นรถไฟใต้ดินสาย Midosuji, Sennichimae หรือ Yotsubashi มาลงที่สถานี Namba จากนั้นเดินต่ออีกประมาณ 5 นาที
ค่าเข้าชม : ไม่เสียค่าเข้าชม
เวลาเปิดทำการ : ตัวพิพิธภัณฑ์เปิดทำการตั้งแต่ 11:30 - 19:15 ส่วนร้านทาโกยากิเปิดทำการตั้งแต่ 11.00 – 22.00 น.

7. หุ่นกันดั้มที่ Gundum Square

สำหรับสาวกกันดั้มที่แวะมาเที่ยวโอซาก้าก็อย่าเพิ่งถอดใจไป เพราะว่าการถ่ายรูปคู่กับหุ่นกันดั้มสุดเท่ห์ไม่ได้มีแค่ที่โอไดบะในโตเกียวเท่านั้น ที่โอซาก้าเองก็มี Gundum Square ที่ประกอบไปด้วย Gundum Café ให้ชิมเมนูอร่อยๆ ในสไตล์กันดั้ม และร้านขายสินค้าที่ระลึกเกี่ยวกับกันดั้มให้ช้อปปิ้งได้อย่างจุใจ และไฮไลท์สำคัญของสถานที่แห่งนี้ก็คือหุ่นขนาดใหญ่ของ Gundam RX78 และ Zaku II Char ที่กำลังต่อสู้กันอยู่ด้านหน้าอาคาร ซึ่งเป็นจุดถ่ายรูปเช็คอินที่พลาดไม่ได้อย่างเด็ดขาดสำหรับเหล่าสาวกกันดั้ม

การเดินทาง : จากสถานี Umeda (Hankyu) ขึ้นรถไฟสาย Hankyu-Kyoto ไปลงที่สถานี Minami-Ibaraki จากนั้นต่อรถ Osaka Monorail ไปลงที่สถานี Bampaku-kinen-koen
เวลาเปิดทำการ : 11.00 – 22.00 น.
ค่าเข้าชม : ไม่เสียค่าเข้าชม

ขอบคุณแหล่งที่มา https://allabout-japan.com

Comments

Popular posts from this blog

สวรรค์บนดินที่เคล้ามนต์เสน่ห์ ดินแดนแห่งขุนเขา ดอยอินทนนท์ จุดชมวิว กม 41

 จุดชมวิว กม 41 เป็นจุดชม วิวพระอาทิตย์ ขึ้น ทะเลหมอก ยอดนิยมอีกจุดหนึ่งของ ดอยอินทนนท์ ตั้งอยู่ก่อนถึงพระธาตุ จุดชมวิวที่ตั้งอยู่ระหว่างทางไปยอดดอยอินทนนท์ โดยนักท่องเที่ยวที่ผ่านไปมา มักมาจอดรถชมทะเลหมอกในยามเช้า

ร้านอาหาร MOAI COFFEE ราชบุรี

ร้านอาหาร MOAI COFFEE ราชบุรี ตำบลสวนผึ้ง อำเภอสวนผึ้ง จังหวัดราชบุรี แลนด์มาร์กสุดชิค แห่งใหม่ของสวนผึ้ง “Moai Coffee” นำรูปแบบ ประติมากรรมหิน “โมอาย” แห่งเกาะอีสเตอร์ จากอุทยานแห่งชาติลาปานุย ประเทศชิลี หนึ่งในมรดกโลกมาเป็นแนวคิดหลักในการตกแต่ง รูปปั้นเหล่านี้มีรูปร่างคล้ายมนุษย์และส่วนศีรษะมีขนาดใหญ่เห็นเด่นชัด นักเดินทางที่ผ่านไปมาก็อดไม่ได้ที่จะถ่ายภาพเป็นที่ระลึก ส่วนการตกแต่งภายในก็ยังคงแนวคิดลึกลับ บาคาร่า แต่แฝงความเท่โดยใช้สีดำเป็นโทนหลัก Moai Coffee มีกาแฟสดอาราบิก้าแท้ 100% ผ่านการคั่วบดอย่างดี  น้ำผลไม้ อิตาเลียนโซดา และอาหารสไตล์ Fusion Food เช่น สลัดโมอาย พอร์คชอปให้เลือกลิ้มลอง           เปิดบริการ : ทุกวัน เวลา 09.00-18.00 น. สอบถามข้อมูล : โทรศัพท์ 08 1986 6554 เว็บไซต์ : www.moai-coffee.com ขอขอบคุณแหล่งที่มา thai.tourismthailand.org

สถานี เกษตรหลวงอินทนนท์

สถานี เกษตรหลวงอินทนนท์   เป็นสถานีวิจัยที่ดำเนินงานวิจัยทางด้านไม้ดอก-ไม้ประดับพืชผลและไม้ผล โดยความน่าสนใจของสถานีเกษตรหลวงอินทนนท์  ก็คือ สวน 80 ที่มีดอกไม้เมืองหนาวนานาพันธุ์ และโรงเรือนจัดแสดงพันธุ์ไม้ชนิดต่างๆ อย่างเช่น กล้วยไม้ เฟิร์น และสวนกุหลาบพันปี  # ปิโกเนีย รวมถึงโรงเรือนปลูกผัก  โดยนอกจากนี้สถานีเกษตรหลวงอินทนนท์ ก็ยังให้บริการร้านอาหารสโมส ขึ้นชื่อในเรื่องของรสชาติ ซึ่งมีเมนูหลากหลายชนิด คัดสรรวัตถุดิบสั่งตรงจากโครงการหลวงโดยเฉพาะผักสด สถานีเกษตรหลวงอินทนนท์ พิกัดหมู่บ้านขุนกลาง ตำบลห้วยหลวง เดินทางตามเส้นทางไป ดอยอินทนนท์ ถึงบริเวณหลักกิโลเมตรที่ 31 ของทางหลวง หมายเลข 1009 มีทางแยกขวามือ แล้วเข้าสู่สถานีอีกประมาณ 1 กิโลเมตร