ผืนป่าแก่งตะนะ จ.อุบลราชธานี

ผืนป่าแก่งตะนะ พูดตรงๆ เลยนะ แม้จะเป็นอุทยานฯ เล็กๆ แต่ ผืนป่าแก่งตะนะ มีอะไรให้เซอร์ไพรส์จนต้องร้องว้าวเยอะแยะจริงเชียว แถมยังเที่ยวง่ายไม่สาหัส เช่นเดียวกับการเดินศึกษาธรรมชาติที่นี่ซึ่งเส้นทางไม่ไกลนัก ค่อนข้างสบาย มีความสวยแบบที่คาดไม่ถึงให้ชมกันอย่างเพลินใจหลายๆ

          เส้นทางศึกษาธรรมชาติของอช.แก่งตะนะ เริ่มต้นบริเวณศูนย์บริการนักท่องเที่ยวตรงลานจอดรถนั่นแหละ ป้ายบอกเป้งๆ เลยว่าไปถ้ำพระ 1 กิโลเมตร ไปลานผาผึ้ง 1.5 กิโลเมตร รวมแล้วไป-กลับระยะทาง 3 กิโลเมตร คิดง่ายๆ ประมาณเดินรอบใหญ่ของสวนสาธารณะจตุจักรรอบเดียวเท่านั้น ใช้เวลาไม่นานและไม่ได้ลำบากมากมาย ยกเว้นเพียงตอนลงสู่ถ้ำพระเท่านั้นเอง พกน้ำไปสักขวดเป็นเสบียงเหลือเฟือแล้ว

          แต่ถึงลำบากและน่าหวาดเสียเล็กน้อย ทว่าถ้ำพระจัดเป็นที่ซึ่งเมื่อเข้ามาแล้วต้องลงไปดูให้ได้ พอถึงบริเวณหน้าถ้ำคุณจะต้องอ้าปากค้างกับต้นไทรขนาดใหญ่ทะลวงรากเกาะยึดแน่นกับหน้าผา โดยมีพวกเฟิร์น ตะไคร่ และไม้เลื้อยอื่นๆ ขึ้นเขียวขจีเหมือนเป็นม่านสีเขียวห่มหน้าผา เขาเรียกตรงนี้ว่าน้ำตกรากไทรเพราะมีสายน้ำไหลลงมาตามรากไม้ใหญ่จนกลายเป็นน้ำตกย่อมๆ เป็นอะไรที่อะเมซิ่งสุดๆ เชียวล่ะ ความสดชื่นร่มรื่นที่นี่หากเต็มร้อยให้ร้อยยี่สิบไปเลย! อดีตถ้ำพระนี้เคยเป็นที่ประดิษฐานพระพุทธรูปเก่าแก่ รวมถึงแท่นศิวลึงค์ และศิลาจารึก ซึ่งได้รับการนำไปเก็บรักษาในพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ ส่วนปัจจุบันบางเวลากลายเป็นที่จำพรรษาของพระธุดงค์ หากไปเที่ยวแล้วเจอพระสงฆ์จำพรรษาอยู่มิต้องประหลาดใจ ใครมาเที่ยวฤดูฝนให้เดินเลาะถ้ำพระไปจนสุดเพียงไม่กี่สิบเมตรจะพบสายน้ำไหลร่วงจากหน้าผาอีกแห่งหนึ่ง มีแอ่งน้ำให้แช่ท่ามกลางธรรมชาติแบบส่วนตัว

          จากถ้ำพระย้อนกลับขึ้นไปแล้วเดินต่ออีกแค่ครึ่งกิโลเมตรผ่านป่าโปร่งจะถึงลานผาผึ้ง หรือพลาญหินทรายกว้างขวางริมหน้าผา นอกจากเป็นจุดชมวิวที่ดีอากาศสดชื่น ยังมีดอกไม้ป่าเล็กๆ แต่สีสวยสดขึ้นเต็มไปหมดโดยเฉพาะช่วงหน้าหนาว ลานผาผึ้งมีหินปุ่มซึ่งเป็นปรากฏการณ์ธรรมชาติของเขาหินทรายอยู่หลายจุด เป็นอีกหนึ่งความน่าเที่ยวชมที่ไม่น่าพลาดเมื่อมาถึงแก่งตะนะทั้งที

          เที่ยวง่ายๆ เที่ยวแบบอะเมซิ่ง เที่ยวที่นี่รับรองว่าไม่ผิดหวัง